ผู้ก่อตั้ง

“ขอให้ตำนานของฉันเจริญงอกงามสืบไป เหมือนดั่งชีวิตที่ยืนยาวและมีความสุขตราบนานเท่านาน!”*
* Paul Morand, เสน่ห์แห่งชาเนล © 1976, Hermann, www.editions-hermann.fr© Man Ray Trust/ADAGP ปารีส ปี 2016
กาเบรียล ชาเนลได้ใช้ชีวิตในแบบที่เธอตั้งใจ ความยากลำบากวัยเด็กในฐานะเด็กกำพร้าและความสำเร็จในฐานะนักธุรกิจหญิงคือต้นกำเนิดของบุคลิกที่โดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นความกล้าหาญ รักอิสระ และความล้ำสมัย รวมถึงมิตรภาพที่จริงใจและเรื่องราวความรัก ตลอดจนความกระหายใคร่รู้ในวัฒนธรรม การค้นพบสิ่งใหม่ และการเดินทางต่างก็ช่วยหล่อหลอมบุคลิกภาพของเธอ ตู้เสื้อผ้าเป็นอิสระจากข้อจำกัดเดิมๆ และความหรูหราที่ได้รับการปรับแต่งด้วยการขับเน้นรายละเอียดแบบมาสคิวลีน สร้างเสน่ห์แห่งจินตนาการที่ไร้กาลเวลาและยังดูล้ำสมัย ไข่มุกและเพชรที่จับคู่กับน้ำหอมไอคอนิกได้สร้างสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น ... สตรีนักบุกเบิก ผู้ที่ไลฟ์สไตล์และแง่มุมที่หลากหลายของเธอได้หล่อหลอมคุณค่าของแบรนด์ที่เธอก่อตั้งขึ้นและยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับบรรดาสตรีทุกคน
คำพูดของโคโค่
โชคชะตา

เมื่อสร้างสรรค์ N°5 น้ำหอมตัวแรกของเธอ กาเบรียล ชาเนลต้องระหว่างตัวอย่างน้ำหอมกลิ่นต่างๆ และเธอก็ตัดสินใจเลือกตัวอย่างที่ห้า ซึ่งถูกนำเสนอแก่เธอ สำหรับคำถามที่ว่า “ฉันควรตั้งชื่อมันว่าอะไร” เธอตอบ: “ฉันกำลังนำเสนอชุดเดรสทั้งห้าชุดในวันที่ 5 พฤษภาคม ซึ่งเป็นเดือนที่ 5 ของปี ดังนั้นเราจะตั้งชื่อตามหมายเลขนี้และหมายเลข 5 จะนำโชคมาให้”* โชคชะตาคือธีมของข้อความที่ Jean Cocteau ได้เขียนไว้ถึงเธอ... นับเป็นโชคชะตาและความโชคดีของเธออีกครั้ง ที่เธอเทิดทูนสัญลักษณ์ของรวงข้าวสาลีจนนำมาเป็นฐานโต๊ะกาแฟที่หล่อด้วยบรอนซ์ ซึ่งรังสรรค์โดยช่างทอง Robert Goossens และทาสีโดย Salvador Dali ประดับในอพาร์ตเมนต์บนถนนกัมบงของเธอ
กาเบรียลผู้เชื่อเรื่องโชคลาง…แม้ว่าเธอจะกำหนดชะตาชีวิตของเธอเอง แต่ดีไซน์ของเธอกลับมุ่งนำเสนอเครื่องหมายและสัญลักษณ์ตลอดชีวิตของเธอ ดังนั้นวันเกิดของเธอในวันที่ 19 สิงหาคมจึงกลายเป็นชื่อของอีกหนึ่งน้ำหอมในตำนาน N°19 เพื่อเป็นเกียรติแก่สัญลักษณ์ประจำราศีของเธอ เธอจึงมีวัตถุรูปราชสีห์มากมายในครอบครองซึ่งไม่เคยทอดทิ้งเธอไปไหน เธออาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์เลขที่ 31 ถนนกัมบง…สำหรับสัญลักษณ์ของดวงดาวซึ่งปรากฏอยู่บนกระเบื้องปูพื้นของโบสถ์แห่งอูบาซีนนั้นได้ติดตามเธอมาตลอดชีวิต และถูกปรับโฉมเป็นรูปดาวทรงเพชรในเครื่องประดับคอลเลคชั่น “Bijoux de Diamants” ของเธอในปี 1932 *Ernest BEAUX, “Souvenirs d’un parfumeur” (ความทรงจำของนักปรุงน้ำหอม), Industrie de la Parfumerie, volume 1, N°7, ตุลาคม ปี ค.ศ.1946, หน้าที่ 228 ถึง 231
ลายพิมพ์ฝ่ามือซ้ายของกาเบรียล ชาเนล พร้อมลายเซ็นของเธอ
© CHANEL
การเป็นอิสระ

เราเห็นเธออีกครั้งในปี 1930 ในชุดกางเกงขายาวและเสื้อกะลาสี พร้อมผมสั้นของเธอที่ปลิดปลิวไปตามสายลม ในช่วงเวลาหนึ่ง กาเบรียลไม่ได้ทำอะไรเหมือนคนอื่นๆ ในช่วงเวลาหนึ่งเธอได้ค้นพบความสุขจากการปล่อยให้ผิวของเธอแทนขึ้น ภายใต้สัมผัสอบอุ่นของแสงแดด ขณะที่ใช้เวลาในปี 1920 บนชายหาดของ Lido ในเวนิสกับสหาย Misia Sert ไลฟ์สไตล์ในที่โล่งแจ้งนำสู่การค้นพบความชอบด้านกีฬาและการพักผ่อนหย่อนใจ ซึ่งเธอได้ดื่มด่ำกับความสุขไม่ว่าจะเป็นกอล์ฟ สกี การแล่นเรือยอร์ช ตกปลา ฯลฯ และแน่นอนว่าการขี่ม้าเป็นความหลงใหลของเธอที่เริ่มต้นมาจาก Étienne Balsan ในปี 1906 ซึ่งยังคงดำเนินต่อไปกับ Boy Capel ตามด้วยนักกีฬาโปโลที่มีชื่อเสียง และดยุคแห่งเวสต์มินสเตอร์
กิจกรรมต่างๆ เหล่านั้นเป็นแรงบันดาลใจให้เธอสร้างสรรค์เครื่องแต่งกายที่ในสมัยนั้นยังไม่ใช้ชื่อเรียกว่าสปอร์ตแวร์ นับเป็นการวางรากฐานที่ล้ำสมัยขึ้นกว่าเดิม “ฉันสร้างสรรค์ชุดกีฬาสำหรับตัวเอง ไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนอื่นเล่นกีฬา แต่เป็นเพราะฉันเองที่เล่น ฉันไม่ได้ออกไปทำกิจกรรมข้างนอกเพราะต้องออกแบบชุด แต่ฉันรังสรรค์ชุดได้อย่างแม่นยำเพราะฉันออกไปข้างนอก เพราะฉันมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเอง ชีวิตแห่งศตวรรษนี้” * *เสน่ห์แห่งชาเนลโดย Paul Morand, Hermann ปี 1996
กาเบรียล ชาเนลและสุนัขของเธอ Gigot ใน La Pausa ปี 1930
© สงวนลิขสิทธิ์
สัญชาตญาณ

บูติคหมวกแห่งแรกของเธอซึ่งเปิดให้บริการในปี 1910 ดึงดูดผู้คนจากทั่วทั้งเมืองปารีส ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเธอ สองปีต่อมา ด้วยสัญชาตญาณของเธอที่สัมผัสได้ถึงความรุ่งเรืองแห่งเมืองตากอากาศริมทะเล เธอจึงตั้งร้านบูติคแห่งที่สองในเมืองโดวิลล์
จากนั้นเธอได้เปิดอีกสาขาของเธอในปี 1915 ที่เมืองบิอาร์ริตซ์ ซึ่งเป็นอีกเมืองหนึ่งที่กำลังจะกลายเป็นที่นิยมในไม่ช้า กาเบรียล ชาเนล ได้ซื้อห้องเลขที่ 31 บนถนนกัมบงในปี 1918 จากนั้นเธอได้สร้างสรรค์ N°5 ขึ้นในปี 1921 ซึ่งถือเป็นน้ำหอมขวดแรกโดยช่างตัดเสื้อซึ่งพลิกรหัสวงการน้ำหอมแห่งยุคด้วยกลิ่นและดีไซน์ขวดแสนประณีต ในปี 1937 เธอได้ปรากฏตัวในโฆษณา ถือเป็นการบุกเบิกและเป็นการแสดงที่กล้าหาญอีกครั้ง ... จากนั้นก็มีคอลเลคชั่นเครื่องประดับชั้นเลิศ “Bijoux de Diamants” ตามมาในปี 1932 ซึ่งปลุกระดมและจุดประกายความเปลี่ยนแปลงในโลกแห่งเครื่องประดับชั้นสูงอันแสนจำเจ เป็นการแสดงให้เห็นอีกครั้งว่าเธอเป็นผู้พลิกวงการแฟชั่นอย่างไร รวมถึงการที่เธอเป็นนักธุรกิจหญิงที่น่าเกรงขามคนแรก ที่สร้างบริษัทอย่างอิสระและเป็นสากลด้วยสัญชาตญาณอันเฉียบคมที่ไม่เคยทำให้เธอผิดหวัง
มาดมัวแซล ชาเนลที่ทำงาน ปี 1937
© ภาพโดย Roger Schall / คอลเลคชั่น Schall
จินตนาการ

เจอร์ซีย์, เสื้อกะลาสี, สูทผ้าทวีตและแจ็คเก็ต, ชุดเข้าคู่จากผ้านิต, เดรสสีดำแสนเรียบง่าย, รองเท้าส้นสูงทูโทน, กระเป๋าสะพายหนังลายควิลท์, สร้อยคอมุก ... กาเบรียล ชาเนลคือผู้คิดค้นเสน่ห์อันทรงเอกลักษณ์และไวยากรณ์แห่งสไตล์ ซึ่งได้กลายเป็นแหล่งอ้างอิงชั้นเยี่ยมแก่เครื่องแต่งกายในทุกยุคสมัย
ที่มาของงานดีไซน์ล้ำสมัยที่ถือกำเนิดตามมามากมาย คือวิสัยทัศน์ของเธอในการรังสรรค์เครื่องแต่ง"ที่มาของงานดีไซน์ล้ำสมัยที่ถือกำเนิดตามมามากมาย คือวิสัยทัศน์ของเธอในการรังสรรค์เครื่องแต่งกายที่มีดีไซน์เส้นสายเรียบง่ายและละเอียดอ่อน โดยที่สำคัญที่สุดคือต้องไม่จำกัดการเคลื่อนไหวของสตรีผู้สวมใส่ รวมถึงเหมาะกับการใช้ชีวิตประจำวันของพวกเธอ ช่างตัดเสื้อคนแรกที่สร้างสรรค์น้ำหอมในปี 1921 เธอมีสัญชาตญาณที่จะช่วยให้แฟชั่นของเธอครองโลกได้ เธอกล่าวไว้ว่า “น้ำหอมคือความหรูหรา”* สำหรับเครื่องประดับไฟน์ จิวเวลรี่ของเธอ เป็นอีกครั้งที่เธอไม่ลังเลที่จะปลดเปลื้องสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป เพื่อแบ่งเบาภาระในการสวมใส่และยังเป็นผู้คิดค้นวิธีการนำเครื่องประดับเหล่านั้นมาสวมบนศีรษะอย่างง่ายดาย การลดทอนวิถีดั้งเดิมอันศักดิ์สิทธิ์ในการรังสรรค์อัญมณีล้ำค่าออกไป ได้เปิดโลกทัศน์แห่งความทันสมัยอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ กาเบรียล ชาเนลยังเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมการแต่งกายใหม่ๆ แก่บรรดาสตรี เมื่อเธอตกลงที่จะทำงานในฮอลลีวูดและรังสรรค์เครื่องแต่งกายให้แก่นักแสดงหญิงชาวอเมริกันในปี 1931 นั่นเป็นเพราะเธอเข้าใจ ในขณะที่เธอพูดเองว่า “ภาพยนตร์มีอิทธิพลในการกำหนดแฟชั่นในปัจจุบันได้” ** *(คำตอบสำหรับบทสัมภาษณ์กับ Jacques Chazot สำหรับรายการ DIM DAM DOM ถ่ายโดย Guy Job ปี 1969) **(La Revue du Cinéma วันที่ 1 กันยายน ปี 1931)
กาเบรียล ชาเนลในสวนภายในวิลล่า La Pausa ของเธอที่เมืองโรกบรูน ปี 1938
ภาพโดย Roger Schall © คอลเลคชั่น Schall
เป็นอิสระ

“ฉันเหมือนปากปล่องภูเขาไฟในแคว้นโอแวร์ญที่ยังดับไม่สนิท และรอวันปะทุ” กาเบรียลกล่าวหยอกล้อ จุดเด่นอย่างหนึ่งของนักออกแบบผู้นี้ คือการที่เธอไม่ยอมถูกกักขังทางความคิดหรือโอนอ่อนตามแนวคิดของบุรุษ นี่เป็นหนึ่งในขั้วตรงข้ามที่ขัดแย้งกับความสัมพันธ์อันยิ่งใหญ่ของเธอ กาเบรียล ชาเนลใช้ชีวิตส่วนตัวของเธออย่างอิสระเสรีมากพอๆ กับการสร้างธุรกิจของเธอ
แม้ว่าเธอจะได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก Boy Capel ในช่วงแรกที่เธอเปิดร้านหมวกในปารีสในปี 1910 และร้านบูติคที่เมืองโดวิลล์ ในปี 1912 แต่กาเบรียลก็ได้จ่ายเงินคืนให้เขาทุกบาททุกสตางค์ มันเป็นทั้งหลักการ เช่นเดียวกับสัญชาตญาณในการใช้ชีวิตของเธอ ที่จะไม่พึ่งพาใครและใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรี เธอกลายเป็นเจ้าของวิลล่า Bel Respiro ใน Garches ใกล้กรุงปารีส และสร้างวิลล่า La Pausa ที่โรกบรูน กัป มาร์แต็ง ในริเวียร่า และแน่นอนว่าเธอยังได้เป็นเจ้าของอพาร์ตเมนต์ที่อาคารเลขที่ 31 บนถนนกัมบง กรุงปารีส การมีอิสระและเป็นอิสระคือหนึ่งในตัวอย่างที่ดีที่สุดที่เธอแสดงให้เห็นและตั้งมาตรฐานไว้สำหรับบรรดาสตรี * เสน่ห์แห่งชาเนลโดย Paul Morand, Hermann ปี 1996
กาเบรียล ชาเนลในวิลล่า La Pausa ของเธอ ปี 1938
ภาพโดย Roger Schall © คอลเลคชั่น Schall
ผู้อุปถัมภ์

“ศิลปินเหล่านี้แหละที่สอนให้ฉันเข้มงวดในรายละเอียด” * กาเบรียล ชาเนลได้ผูกมิตรภาพอันลึกซึ้งกับบรรดาศิลปินมากมาย ตั้งแต่ผู้อุปถัมภ์ มิวส์ และในบางครั้งก็รวมถึงครูผู้สร้างคน นักออกแบบเครื่องแต่งกายสำหรับละครเวที บัลเล่ต์ และภาพยนตร์ นักอ่านตัวยง และผู้หลงใหลในศิลปะบาโรกและไบเเซนไทน์ และวัฒนธรรมสลาฟ Misia Sert สหายคนสนิทของเธอแนะนำให้เธอรู้จักกับโลกแห่งความคิดสร้างสรรค์อย่างไม่มีที่สิ้นสุดนี้ เธอได้รู้จักกับ Diaghilev, Cocteau, Stravinsky และ Dali … กาเบรียล ชาเนลได้เป็นผู้สนับสนุนทางการเงินให้กับคณะบัลเล่ต์ รูสส์ของ Diaghilev และได้ออกแบบเครื่องแต่งกายสำหรับการแสดงบัลเล่ต์ Le Train bleu (The Blue Train) ของเขา สำหรับ Cocteau เขาได้ยกย่องให้เธอเป็น “ช่างตัดเสื้อที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคของเธอ”** จากการที่เธอได้ออกแบบเครื่องแต่งกายสำหรับละครเรื่อง Antigone, Orphée และ Œdipe Roi เธอเชิญ Stravinsky ไปที่วิลล่า Bel Respiro และสนับสนุนผลงานดนตรีของเขา
สำหรับ Salvador Dali กาเบรียล ชาเนลให้เขาใช้พื้นที่วิลล่า La Pausa ของเธอเป็นเวลานานกว่าหกเดือนในปี 1938 เพื่อที่เขาจะได้ทำงานสำหรับนิทรรศการภาพวาดที่เขาจัดแสดงในนิวยอร์คในปีถัดไป นักเต้น Serge Lifar, Jacques Lipchitz และ Picasso ก็เป็นสหายคนสนิทของเธอเช่นกัน เช่นเดียวกับนักกวี Pierre Reverdy และ Max Jacob รวมถึงนักเขียน Paul Morand ผู้อุทิศหนังสือให้กับเธอ The Allure of Chanel และได้รับแรงบันดาลใจจากความสัมพันธ์ที่เธอมีกับ Boy Capel ในการเขียนนวนิยายเรื่อง Lewis et Irène “เธอเป็นคนมหัศจรรย์ ผู้สร้างสรรค์แฟชั่นตามกฎที่ดูเหมือนจะใช้ได้กับแค่จิตรกร นักดนตรี หรือกวีเท่านั้น เธอกำหนดสิ่งที่มองไม่เห็น เธอรังสรรค์ความสง่างามเรียบหรูในความเกรี้ยวกราดของสังคมชั้นสูง” Jean Cocteau กล่าว กาเบรียลคือศิลปินท่ามกลางบรรดาศิลปิน *เสน่ห์แห่งชาเนลโดย Paul Morand, Hermann ปี 1996 ** ต้องขอบคุณคณะกรรมการ Jean Cocteau
กาเบรียล ชาเนลและสหายนักเต้นของเธอ Serge Lifar ปี 1937
Jean Moral ปี 1938 © Brigitte Moral SAIF Paris
ผู้อ่าน

“หนังสือเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน” กาเบรียลได้บอกกับ Paul Morand ในวันหนึ่ง หนังสือไม่เคยทอดทิ้งเธอ โดยเริ่มจากการอ่านบทสวดที่โบสถ์ในเมืองอูบาซีน ชั้นวางที่โค้งงอจากน้ำหนักของหนังสือในอพาร์ตเมนต์ของเธอที่ถนนกัมบง หนังสือเล่มหนึ่งจากกองเหล่านั้น ถูกเปิดคาไว้อยู่ใกล้กับแว่นตา ... กาเบรียลอ่านหนังสือทั้งหมดนั่น ขณะนอนอยู่บนโซฟาหนังกลับสีเบจพิงหมอนลายควิลท์
ไม่ว่าจะเป็นหนังสือของ Sophocles, Homer, Plutarch และ Virgil ที่วางอยู่ใกล้กับ Rabelais, Dante, Shakespeare และ Montaigne หรือหนังสือของ La Bruyère, Molière, Cervantes ถัดจาก Rousseau, Voltaire และ Pascal นอกจากนี้ยังมีหนังสือของ Proust, Brontë, Stein, Dostoevsky และ Tolstoy รวมถึงบทประพันธ์ของนักกวีอื่นๆ อย่าง Rilke, Baudelaire, Apollinaire, Verlaine, Cocteau, Max Jacob และ Reverdy * เสน่ห์แห่งชาเนล โดย Paul Morand, Hermann ปี 1996
กาเบรียล ชาเนลในอพาร์ตเมนต์เลขที่ 31 บนถนนกัมบงของเธอ ในกรุงปารีส ปี 1937
ภาพ Jean Moral © Brigitte Moral
ครูผู้สร้างคน

กาเบรียลช่วยเผยความสามารถของศิลปินให้ปรากฏ เธอเพียงแนะนำสหายของเธอให้รู้จักกัน ถือเป็นการคิดค้นแนวคิดของเครือข่ายสังคมก่อนจะมีเทคโนโลยีด้านนี้เกิดขึ้นเสียอีก ... ในปี 1936 เธอแนะนำ Luchino Visconti ในวัยเยาว์ให้กับผู้กำกับ Jean Renoir ผู้ซึ่งเล็งเห็นศักยภาพของเด็กหนุ่มชนชั้นสูงชาวอิตาเลียนผู้คลั่งไคล้ในภาพยนตร์คนนี้ และได้จ้างเขาเป็นผู้ช่วยผู้กำกับ
ไม่กี่ปีต่อมา Visconti ส่ง Franco Zeffirelli ไปที่ปารีสและขอให้ชาเนลช่วยเขาก้าวเข้าสู่โลกแห่งภาพยนตร์ฝรั่งเศส ชาเนลแนะนำให้เขารู้จักกับ Brigitte Bardot และ Roger Vadim ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในเส้นทางอาชีพของเขา
นักแสดงหญิง Jeanne Moreau และกาเบรียล ชาเนลในฮอลลีวูด ปี 1960
© Giancarlo BOTTI/GAMMA RAPHO
คู่รักแห่งศิลปะ

เพื่อการเรียนรู้ ค้นพบ บ่มเพาะทั้งจิตวิญญาณและความคิดสร้างสรรค์ของเธอผ่านผลงานศิลปะ นี่เป็นคติประจำใจที่กาเบรียล ชาเนลใช้มาตลอดชั่วชีวิตของเธอ กาเบรียลหลงใหลในภาพวาดประติมากรรม สถาปัตยกรรม และประวัติศาสตร์ และนั่นทำให้เธอตกหลุมรักวัฒนธรรมสลาฟและเสน่ห์ของ Grand Duke Dmitri Pavlovich จากนั้นเป็นต้นมา มีการนำเสื้อเบลาส์สไตล์รัสเซีย เสื้อคลุม คาโบชงหลากสี และไม้กางเขนแบบไบเเซนไทน์ มาประดับคอลเลคชั่นของเธอ
เธอได้เดินทางไปทั่วกรุงโรมและกรุงเวนิสพร้อมกับ José Maria Sert สามีของ Misia สหายของเธอ เพื่อค้นพบตัวเองท่ามกลางความหลงใหลในความงามของโบสถ์และความงดงามของศิลปะบาโรก เธอคือแม่แบบของสไตล์แอนทีค เช่นเดียวกับความหลงใหลในทองคำซึ่งปรากฏให้เห็นเรื่อยมาในสไตล์ที่เธอรังสรรค์ ในบ้านของเธอ กาเบรียลรวบรวมผนังกั้นเคลือบโคโรมันเดลจากจีน (ซึ่งเป็นของหายากที่เธอเป็นเจ้าของประมาณสามสิบชิ้น!) ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้กับเธอ "ที่พักพิงชั่วคราวอันอบอวลไปด้วยความหรูหรา" ที่เธอสรรสร้างขึ้นในบ้านและอพาร์ตเมนต์ของเธอโดยไม่ได้คำนึงถึงการกำหนดรูปแบบและยุคสมัย ทำให้ มันเป็นแหล่งกำเนิดความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่มีที่สิ้นสุด: ลูกแก้วหินคริสตัล จี้โคมระย้า กระจกแสนหรูหรา สีที่เลียนแบบมากจากสีของธรรมชาติ การขับเน้นด้วยบรอนซ์ และการผสมผสานของสไตล์แบบตะวันออกและตะวันตก คือตัวอย่างของอิทธิพลมากมายที่พบในสไตล์ของ CHANEL
กาเบรียล ชาเนลที่ด้านหน้าของฉากกั้นเคลือบโคโรมันเดลของเธอ ในอพาร์ตเมนต์เลขที่ 31 บนถนนกัมบง กรุงปารีส ปี 1937
© Boris Lipnitzki / Roger-Viollet
ล้ำสมัย

การแหวกขนบและฉีกกรอบที่แบ่งแยกความเป็นหญิงและชาย เพื่อเปิดตัวแฟชั่นคลาสสิกสำหรับอนาคตแห่ง “สไตล์มาสคิวลีนและเฟมินีน” กาเบรียล ชาเนลกล้าที่จะทำทุกสิ่งที่สวนทาง เธอหยิบยืมผ้าทวีดจากเสื้อผ้าบุรุษและเปลี่ยนผ้าเจอร์ซีย์ถักธรรมดาให้กลายเป็นวัสดุชั้นเยี่ยม เธอออกแบบชุดนอนสำหรับเที่ยวทะเลและชุดเดรสที่ไม่ต้องรัดเอว
เธอไม่กลัวอะไรเลยเมื่อต้องตัดสินใจ “สีเหล่านี้ไม่น่าจะไปด้วยกันได้ ฉันจะรังสรรค์เครื่องแต่งกายสตรีเหล่านี้ด้วยสีดำ” ความล้ำสมัยในสไตล์ แฟชั่น และบุคลิกของเธอ ขณะที่เธอกำลังอาบแดดพร้อมด้วยทรงผมสั้นล้ำสมัย ก็ได้ร่างภาพที่ได้แรงบันดาลใจจากเสื้อแจ็คเก็ตที่ชายหนุ่มสวมใส่ในสนามแข่งม้า ออกมาเป็นลวดลายควิลท์ที่ได้กลายมาเป็นเอกลักษณ์บนกระเป๋าถือของเธอ ด้วยความกระตือรือร้นในกิจกรรมกลางแจ้ง เธอทั้งไถลลงมาจากเนินสกี ไปตกปลา ตีกอล์ฟ หรือขี่ม้าได้เป็นเวลาหลายชั่วโมง การตกเป็นพาดหัวข่าวไม่เคยทำให้เธอตื่นตระหนกและไม่สร้างความแปลกใจกับคนรักของเธอเลย รวมถึงไม่มีผลต่อทัศนคติและจิตวิญญาณที่เป็นอิสระของเธอ ไม่เลยแม้แต่น้อย ด้วยความมุ่งมั่นในการที่จะทำงานหนักและต่อสู้เพื่อเป็นผู้ตัดสินชะตากรรมชีวิตของตัวเธอเอง เพื่อเป็นคนเดียวที่จะดำเนินธุรกิจของเธอเอง ในบทความ “We nominate for the Hall of Fame” ในเดือนมิถุนายนปี 1931 Vanity Fair ได้กล่าวถึงเธอคร่าวๆ ไว้ดังนี้: “กาเบรียล ชาเนลเป็นคนแรกที่นำหลักความทันสมัยมาใช้กับแฟชั่น เช่นเดียวกับเพื่อนๆ ของเธอรวมถึงผู้ชายที่มีอิทธิพลมากที่สุดของฝรั่งเศส เธอผสมผสานเซนส์ทางธุรกิจอันเฉียบคม เข้ากับความใจกว้างอย่างไม่น่าเชื่อและความกระตือรือร้นที่มีต่อศิลปะทั้งในรูปแบบที่หรูหราฟู่ฟ่าและแบบเรียบง่ายดั้งเดิม” ผู้บุกเบิกในทุกๆ ด้าน * *เสน่ห์แห่งชาเนลโดย Paul Morand, Hermann ปี 1976
กาเบรียล ชาเนลในสวนภายในวิลล่า La Pausa ของเธอ ปี 1938
ภาพโดย Roger Schall © คอลเลคชั่น Schall
โชคชะตา

เมื่อสร้างสรรค์ N°5 น้ำหอมตัวแรกของเธอ กาเบรียล ชาเนลต้องระหว่างตัวอย่างน้ำหอมกลิ่นต่างๆ และเธอก็ตัดสินใจเลือกตัวอย่างที่ห้า ซึ่งถูกนำเสนอแก่เธอ สำหรับคำถามที่ว่า “ฉันควรตั้งชื่อมันว่าอะไร” เธอตอบ: “ฉันกำลังนำเสนอชุดเดรสทั้งห้าชุดในวันที่ 5 พฤษภาคม ซึ่งเป็นเดือนที่ 5 ของปี ดังนั้นเราจะตั้งชื่อตามหมายเลขนี้และหมายเลข 5 จะนำโชคมาให้”* โชคชะตาคือธีมของข้อความที่ Jean Cocteau ได้เขียนไว้ถึงเธอ... นับเป็นโชคชะตาและความโชคดีของเธออีกครั้ง ที่เธอเทิดทูนสัญลักษณ์ของรวงข้าวสาลีจนนำมาเป็นฐานโต๊ะกาแฟที่หล่อด้วยบรอนซ์ ซึ่งรังสรรค์โดยช่างทอง Robert Goossens และทาสีโดย Salvador Dali ประดับในอพาร์ตเมนต์บนถนนกัมบงของเธอ
กาเบรียลผู้เชื่อเรื่องโชคลาง…แม้ว่าเธอจะกำหนดชะตาชีวิตของเธอเอง แต่ดีไซน์ของเธอกลับมุ่งนำเสนอเครื่องหมายและสัญลักษณ์ตลอดชีวิตของเธอ ดังนั้นวันเกิดของเธอในวันที่ 19 สิงหาคมจึงกลายเป็นชื่อของอีกหนึ่งน้ำหอมในตำนาน N°19 เพื่อเป็นเกียรติแก่สัญลักษณ์ประจำราศีของเธอ เธอจึงมีวัตถุรูปราชสีห์มากมายในครอบครองซึ่งไม่เคยทอดทิ้งเธอไปไหน เธออาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์เลขที่ 31 ถนนกัมบง…สำหรับสัญลักษณ์ของดวงดาวซึ่งปรากฏอยู่บนกระเบื้องปูพื้นของโบสถ์แห่งอูบาซีนนั้นได้ติดตามเธอมาตลอดชีวิต และถูกปรับโฉมเป็นรูปดาวทรงเพชรในเครื่องประดับคอลเลคชั่น “Bijoux de Diamants” ของเธอในปี 1932 *Ernest BEAUX, “Souvenirs d’un parfumeur” (ความทรงจำของนักปรุงน้ำหอม), Industrie de la Parfumerie, volume 1, N°7, ตุลาคม ปี ค.ศ.1946, หน้าที่ 228 ถึง 231
ลายพิมพ์ฝ่ามือซ้ายของกาเบรียล ชาเนล พร้อมลายเซ็นของเธอ
© CHANEL
การเป็นอิสระ

เราเห็นเธออีกครั้งในปี 1930 ในชุดกางเกงขายาวและเสื้อกะลาสี พร้อมผมสั้นของเธอที่ปลิดปลิวไปตามสายลม ในช่วงเวลาหนึ่ง กาเบรียลไม่ได้ทำอะไรเหมือนคนอื่นๆ ในช่วงเวลาหนึ่งเธอได้ค้นพบความสุขจากการปล่อยให้ผิวของเธอแทนขึ้น ภายใต้สัมผัสอบอุ่นของแสงแดด ขณะที่ใช้เวลาในปี 1920 บนชายหาดของ Lido ในเวนิสกับสหาย Misia Sert ไลฟ์สไตล์ในที่โล่งแจ้งนำสู่การค้นพบความชอบด้านกีฬาและการพักผ่อนหย่อนใจ ซึ่งเธอได้ดื่มด่ำกับความสุขไม่ว่าจะเป็นกอล์ฟ สกี การแล่นเรือยอร์ช ตกปลา ฯลฯ และแน่นอนว่าการขี่ม้าเป็นความหลงใหลของเธอที่เริ่มต้นมาจาก Étienne Balsan ในปี 1906 ซึ่งยังคงดำเนินต่อไปกับ Boy Capel ตามด้วยนักกีฬาโปโลที่มีชื่อเสียง และดยุคแห่งเวสต์มินสเตอร์
กิจกรรมต่างๆ เหล่านั้นเป็นแรงบันดาลใจให้เธอสร้างสรรค์เครื่องแต่งกายที่ในสมัยนั้นยังไม่ใช้ชื่อเรียกว่าสปอร์ตแวร์ นับเป็นการวางรากฐานที่ล้ำสมัยขึ้นกว่าเดิม “ฉันสร้างสรรค์ชุดกีฬาสำหรับตัวเอง ไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนอื่นเล่นกีฬา แต่เป็นเพราะฉันเองที่เล่น ฉันไม่ได้ออกไปทำกิจกรรมข้างนอกเพราะต้องออกแบบชุด แต่ฉันรังสรรค์ชุดได้อย่างแม่นยำเพราะฉันออกไปข้างนอก เพราะฉันมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเอง ชีวิตแห่งศตวรรษนี้” * *เสน่ห์แห่งชาเนลโดย Paul Morand, Hermann ปี 1996
กาเบรียล ชาเนลและสุนัขของเธอ Gigot ใน La Pausa ปี 1930
© สงวนลิขสิทธิ์
1/of10
โคโค่โดยศิลปิน











เมื่อโคโค่พบชาเนล
กาเบรียล ชาเนล
โคโค่ โดย Karl
โคโค่
มาดมัวแซล
กาเบรียล ชาเนล
โคโค่ โดย Karl
โคโค่
มาดมัวแซล
1/of4